กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
แนวการจัดกระบวนการเรียนรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
มีความสำคัญต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนเนื่องจาก
- ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้เนื้อหาวิชา และฝึกทักษะด้านการเรียนได้สะดวก รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- ช่วยให้ผู้เรียนมีวิธีการเรียนที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตนเอง สอดคล้องกับมาตรฐานและสาระการเรียนรู้ที่กำหนดไว้
- เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่ดีต่อการเรียนด้านสุขภาพ
รูปแบบในการจัดกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ที่นำเสนอนี้ สามารถนำมาประยุกต์ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ซึ่งเน้นให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วม ได้สัมผัสกับแนวคิด เหตุการณ์และสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ได้คิดได้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ รวมถึงการให้โอกาสเพื่อนำสิ่งที่เรียนไปประสานกับสิ่งที่เคยเรียนมาก่อน เน้นการกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น รวมทั้งสามารถบูรณาการความรู้ไปสู่การปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน
1.5 ยุทธศาสตร์กระบวนการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
ในการพัฒนาผู้เรียนให้ครบถ้วนนั้น จำเป็นต้องใช้ยุทธศาสตร์กระบวนการเรียนการสอนที่เอื้อต่อการพัฒนาทุกด้านเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ทางด้านจิตใจ ร่างกาย สติปัญญา สังคม และจิตวิญญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาได้กำหนดกรอบการใช้ยุทธศาสตร์กระบวนการเรียนการสอน 3 ประการคือ
- ยุทธศาสตร์กระบวนการคิด
- ยุทธศาสตร์กระบวนการปฏิบัติ
- ยุทธศาสตร์กระบวนการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยม
ยุทธศาสตร์กระบวนการเรียนการสอน
พัฒนาสมองกระบวนการคิด
(ด้านความรู้) |
พัฒนากายกระบวนการปฏิบัติ(ด้านทักษะ/กระบวนการ) | พัฒนาจิตกระบวนการพัฒนา(ด้านคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยม) |
มาตรฐาน 3 ข้อ | มาตรฐาน 4 ข้อ | มาตรฐาน 2 ข้อ |
· คิดไตร่ตรอง
· คิดอย่างมีวิจารณญาณ · คิดสร้างสรรค์ |
· ปฏิบัติจริง
· มีส่วนร่วม · บันทึกผลปฏิบัติ · ประเมินตนเอง · รายงานผล |
· ทักษะชีวิต
· สงบจิต สมาธิ · จินตนาการ · สุนทรีย์ · ปฏิบัติจริง |
ผู้เรียนมีสุขภาพและสุขนิสัยที่ดี เป็นคนเก่ง คนดี และมีความสุข
แนวทางการพัฒนางานสุขภาพในสถานศึกษา
เนื่องจากโรงเรียนเป็นสถานที่ที่เด็กมีโอกาสเรียนรู้ด้วยกิจกรรมและประสบการณ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวคิดของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานต้องการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ทั้งในระบบโรงเรียนและนอกโรงเรียนหรือในชุมชน ด้วยเหตุนี้การเรียนรู้ในวิชาสุขศึกษา โรงเรียนจึงจำเป็นต้องจัดกิจกรรมและประสบการณ์ที่หลากหลายและกว้างขวางให้แก่เด็ก ไม่ใช่จำกัดอยู่เฉพาะแต่ในห้องเรียนเท่านั้น หลักสูตรวิชาสุขศึกษาจึงครอบคลุม ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อมทางสุขภาพ บริการทางสุขภาพ และการเรียนการสอนสุขศึกษา ซึ่งรวมกันเรียกว่า “งานสุขภาพในโรงเรียน” ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้เรียนสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพได้เต็มตามศักยภาพของตน อันจะส่งผลให้มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจได้อย่างแท้จริง
เพื่อให้วิชาสุขศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานได้มาตรฐานทางวิชาการและสามารถดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลในเชิงปฏิบัติมากที่สุด จึงเสนอแนวทางการพัฒนางานสุขภาพในโรงเรียนขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
- เพื่อเป็นเป้าหมายในการพัฒนางานสุขภาพในโรงเรียนให้มีผลในเชิงปฏิบัติได้อย่างสมบูรณทั้งผลทางสุขภาพ ผลทางการศึกษา และผลทางการบริหาร
- เพื่อเป็นคู่มือหรือแนวทางให้โรงเรียนสามารถรักษาระดับมาตรฐานสูงสุดของงานสุขภาพในโรงเรียนได้อย่างถูกต้อง เป็นระบบ และถาวรยั่งยืนตลอดไป
- เพื่อเป็นดัชนีและเครื่องชี้วัดที่ช่วยกระตุ้นให้โรงเรียนที่ยังไม่สามารถดำเนินงานไปถึงระดับมาตรฐานสูงสุดได้สำรวจตรวจสอบและมองเห็นทิศทางในการพัฒนางานสุขภาพได้อย่างชัดเจน
- เพื่อใช้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญส่วนหนึ่งในการประเมินคุณภาพทั้งการศึกษาโรงเรียนทั่วไปทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
หลักในการพิจารณาและตรวจสอบ
การจัดระดับมาตรฐานของงานสุขภาพในโรงเรียนนี้จำเป็นต้องตรวจสอบและพิจารณาจากผลการปฏิบัติงานสุขภาพที่ปรากฏขึ้นจริงตามรูปธรรม และสามารถรับรู้พฤติกรรมสุขภาพได้ตามรายการขององค์ประกอบ 4 ประการ ดังต่อไปนี้
- การจัดสิ่งแวดล้อมทางสุขภาพในโรงเรียน
- การจัดบริการสุขภาพในโรงเรียน
- การเรียนการสอนสุขศึกษา
- การบริหารงานสุขภาพในโรงเรียน
รายการที่ใช้ประเมินงานในแต่ละองค์ประกอบ
การจัดสิ่งแวดล้อมทางสุขภาพในโรงเรียน
- การดูแลรักษาอาคารและสถานที่ทั่วไปให้สะอาดเรียบร้อยและสวยงาม
- การจัดน้ำดื่ม น้ำใช้ และที่ล้างมือให้นักเรียนอย่างเพียงพอ
- การจัดห้องน้ำ ห้องส้วม ให้เพียงพอและดูแลรักษาให้สะอาดอยู่เสมอ
- การจัดวางท่อหรือวงระบายน้ำเพื่อกำจัดน้ำเสียอย่างเป็นระบบ
- การจัดทำบ่อกักไขมันเพื่อกำจัดไขมันจากโรงครัวและโรงอาหาร
- การจัดทำบ่อซึมหรือบ่อเกรอะเพื่อกำจัดน้ำทิ้งหรือน้ำเสีย
- การกำจัดมลภาวะและสิ่งรบกวนหรือเหตุรำคาญภายในโรงเรียน
- การจัดการจัดโต๊ะเรียน ม้านั่ง และอุปกรณ์การเรียนการสอนให้ถูกสุขลักษณะ
- การสร้างบรรยากาศและสัมพันธภาพอันดีเพื่อให้เด็กเรียนอย่างมีคุณภาพ
- การดูแลแก้ไขปัญหาการจราจรภายในโรงเรียนให้เกิดความสะดวกและปลอดภัย
- การวางมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุภายในโรงเรียน
- การจัดให้มีคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยภายในโรงเรียน
- การจัดให้มีเครื่องมือสำหรับดับเพลิงเตรียมพร้อมไว้ตามจุดต่าง ๆ อย่างเพียงพอ
- การจัดสนามกีฬาและบริเวณต่าง ๆ ภายในโรงเรียนให้สะอาดเรียบร้อยและปลอดภัย
- การจัดเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับทำความสะอาดโรงเรียนอย่างครบถ้วน
- การร่วมรณรงค์กับชุมชนในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและสาธารณสถาน
- การปรับปรุงดูแลแก้ไขห้องเรียนและห้องกิจกรรมอื่น ๆ ให้ถูกสุขลักษณะอยู่เสมอ
การจัดบริการสุขภาพในโรงเรียน
- การจัดให้นักเรียนทุกคนมีบัตรสุขภาพและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์
- การตรวจสุขภาพนักเรียนโดยครูประจำชั้นอย่างสม่ำเสมอ
- การตรวจสุขภาพโดยเจ้าหน้าที่แพทย์หรือพนักงานสาธารณสุขเป็นครั้งคราว
- การชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูงนักเรียนตามระยะเวลาที่เหมาะสม
- การทดสอบสายตานักเรียนพร้อมทั้งการให้คำแนะนำและแก้ไข
- การจัดห้องพยาบาลหรือมุมพยาบาลเพื่อให้บริการสุขภาพแก่นักเรียน
- การจัดให้มีบริการการตรวจฟันและรักษาโรคฟันผุโดยทันตแพทย์หรือทันตมัย
- การจัดให้มีบริการตรวจโรคทางห้องปฏิบัติการแก่นักเรียนทุกคนในโรงเรียน
- การขจัดโครงการตรวจสุขภาพจิตและการทดสอบทางด้านจิตวิทยา
- การสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แก่นักเรียนตามความจำเป็นในระยะเวลาที่เหมาะสม
- การจัดโครงการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ
- การจัดบริการแนะแนวสุขภาพและให้คำแนะนำแก่นักเรียน
- การติดตามผลการรักษาพยาบาลนักเรียนที่ได้รับอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย
- การร่วมมือรณรงค์กับชุมชนในการป้องกันสิ่งเสพย์ติดให้โทษ
- การร่วมมือรณรงค์กับชุมชนในการป้องกันโรคเอดส์
- การเตรียมแผนและสิ่งอำนวยความสะดวกในกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
- การจัดโครงการช่วยเหลือเด็กพิการหรือมีความบกพร่องทางสุขภาพ
การเรียนการสอนสุขศึกษา
- การใช้วิธีสอนหรือกิจกรรมที่หลากหลายสอนวิชาสุขศึกษา
- การเตรียมแผนการสอนและใช้สื่อสุขศึกษาที่เหมาะสม
- การบูรณาการเนื้อหาสาระทางสุขภาพผสมผสานเข้าไปในวิชาอื่น
- การสอนสุขศึกษาโดยให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางและมีส่วนร่วม
- การใช้สื่อการสอนประเภทสื่อสิ่งพิมพ์ที่หลากหลายประกอบการสอน
- การใช้อุปกรณ์ประเภทเทคโนโลยีที่ทันสมัยประกอบการสอน
- การใช้แหล่งวิชาการทางด้านสาธารณสุขในชุมชนให้เป็นประโยชน์ต่อการสอน
- การพานักเรียนไปทัศนศึกษาหรือฝึกปฏิบัติงานนอกสถานที่ในชุมชน
- การเชิญวิทยากรในท้องถิ่นมาบรรยายหรือสาธิตในบทเรียนที่เกี่ยวข้อง
- การใช้การทดลองทางวิทยาศาสตร์สุขภาพเพื่อส่งเสริมการสอนสุขศึกษา
- การให้นักเรียนจัดทำโครงงานทางด้านสุขภาพเพื่อเสริมการสอนสุขศึกษา
- การสอนให้นักเรียนสามารถนำความรู้ไปปฏิบัติในชีวิตจริงอย่างได้ผล
- การวัดผลประเมินผลการสอนสุขศึกษาตามวัตถุประสงค์ของบทเรียน
- การจัดนิทรรศการทางด้านสุขภาพให้สอดคล้องกันความต้องการของนักเรียน
- การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรสุขศึกษาให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น
- การจัดสิ่งแวดล้อมและบริการสุขภาพให้เอื้ออำนวยต่อการสอนสุขศึกษา
- การให้นักเรียนทำแฟ้มสะสมงานประกอบการเรียนการสอนสุขศึกษา
การบริหารงานสุขภาพในโรงเรียน
1.การจัดให้มีครูทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบงานสุขศึกษาในโรงเรียนโดยเฉพาะ
2.การมีคณะกรรมการสุขภาพในโรงเรียนที่ประกอบด้วยบุคคลทั้งในและนอกโรงเรียน
3.การจัดงานสุขภาพในโรงเรียนทุกด้านรวมเข้าด้วยกันเป็นโปรแกรมหรือองค์รวม
4.การมีครูอนามัยมีวุฒิสุขศึกษาหรือวุฒิพยาบาลดูแลเรื่องสุขภาพประจำโรงเรียน
5.การจัดครูวุฒิการศึกษาโดยตรงทำการสอนสุขศึกษามีจำนวนเกินกว่ากึ่งหนึ่ง
6.การร่วมมือจากทางบ้านและชุมชนเพื่อพัฒนาสุขภาพของนักเรียน
7.การติดต่อและประสานงานกับหน่วยงานสาธารณสุขในท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด
8.การส่งเสริมกลุ่มนักเรียนหรือชมรมที่ทำกิจกรรมเกี่ยวกับสุขภาพและสวัสดิภาพ
9.การติดตามและประเมินผลงานสุขภาพของโรงเรียนและนำมาปรับปรุงแก้ไข
10.การสนใจและการเอาใจใส่เรื่องงานสุขภาพในโรงเรียนของคณะครูอาจารย์
- การสนับสนุนให้ครูอาจารย์เข้าร่วมสัมมนาหรือประชุมปฏิบัติการทางด้านสุขศึกษา
- การสนับสนุนทางด้านสุขภาพจากสมาคมผู้ปกครองและครู
- การสนับสนุนทางด้านสุขภาพของคณะกรรมการการศึกษาของโรงเรียน
- การสนับสนุนและช่วยเหลือจากหน่วยงานสาธารณสุขภายในท้องถิ่น